วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ผู้ต้องขัง ม.112 และรวมปฏิทินคดีหมิ่นพระบรมเดชานภาพ

สถานการณ์ของนักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้ในเวทีการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของแต่ละประเทศ หรือยูพีอาร์  (UPR - Universal Periodic Review) ที่เจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ เมื่อต้นตุลาคมที่ผ่านมา มีหลายประเทศที่หยิบยกปัญหา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนกลายเป็นประเด็นฮอตในเวทีโลก
สิทธิการประกันตัวยังเป็นปัญหาที่ถูกพูดถึงมากจากทุกส่วน สถิติสูงสุดของการยื่นประกันตัวของผู้ต้องหาคดีนี้อยู่ที่ 10 ครั้ง และหลักทรัพย์สูงราว 2 ล้านบาท มีผู้ต้องหาเพียงส่วนน้อย (มาก) ที่ได้รับสิทธิการประกันตัว แต่ส่วนใหญ่แล้วยังคงอยู่ในเรือนจำจนปัจจุบัน
ในที่นี้จะกล่าวถึงกรณีล่าสุด (?) ที่เพิ่งถูกคุมขัง กับกรณีที่ไม่เคยเป็นที่รับรู้ ซึ่งศาลพิพากษาโทษจำคุก 2 คดี 15 ปี ส่วนในตอนสุดท้ายจะเป็นตารางกำหนดการการพิจารณาคดีของผู้ต้องหารายต่างๆ
 

                        
                  น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด
                            โดน กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒
           เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมรวม ๓ กระทง 
                            จำคุกกระทงละ ๕ ปีรวม ๑๕ ปีนั้น

                       
                         คุณธันย์ฐวุฒิ ("หนุ่ม") ที่มีลูกเล็กๆคนหนึ่ง
                             โดน กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒
                             ก็มาจากข้อความสั้นๆ 2 ข้อความ 
                       ที่ทำเป็น สไลด์ Power Point 2 สไลด์ เท่านั้น 
                                             จำคุก 13 ปี

                                                
                                               อากง
                            โดน กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒
                       ด้วย การถูกกล่าวหาว่าส่ง sms 4 ข้อความ 
                                           จำคุก 20 ปี
..........................................................................................................
คนสิงคโปร์ ใบปลิว และโทษจำคุก 10 ปี
วันชัย (ขอสงวนนามสกุล) ชายชาวสิงคโปร์ วัยใกล้ 60 ปีหรืออาจ 60 กว่าปี เขาอยู่เมืองไทยมากว่า 30 ปี พูดภาษาไทยได้ชัดเจน ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 เม.ย.52 ที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ขณะนั้นมีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยนำเอกสารใบปลิว 3 แผ่น 6 หน้า มาแจกผู้ชุมนุม ชื่อว่า “พระไตรปิฎก ฉบับแก้แค้น” ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองหลังรัฐประหารอย่างรุนแรง
 อันที่จริง เขาเริ่มเขียนเอกสารดังกล่าวตั้งแต่เกิดเหตุการณ์บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ โดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งเป็นช่วงพีคของความโกรธแค้น เนื่องจากเขามีอาชีพเป็นมัคคุเทศน์มาตลอดชีวิตในเมืองไทย เอกสารที่เขาเขียนเวอร์ชั่นแรกหนา 50 กว่าหน้า แต่เมื่อซีรอกซ์แจกผู้คนแล้วพบว่าไม่ค่อยมีใครอยากได้เอกสารหนาๆ  จึงปรับเป็นใบปลิวแทน โดยตระเวนแจกตามสถาบันการศึกษานับ 10 แห่ง ด้วยคาดหวังว่าที่นั่นจะเต็มไปด้วยผู้อุดมปัญญาและพร้อมถกเถียง
วันชัย มีภรรยาเป็นคนไทย ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันราว 15 ปี แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน เธอมีอาชีพขายเสื้อผ้าเล็กๆ น้อยๆ ตัวเขาสนใจการเมือง โดยเฉพาะเรื่องประวัติศาสตร์เพราะมีอาชีพเป็นมัคคุเทศน์ แต่ช่วงหลังชักไพล่มาอ่านประวัติศาสตร์การเมือง เขามักคุยโวว่าอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มานับไม่ถ้วน และนับถือพระเจ้าตากสินเป็นพิเศษ
เขาเล่าให้ผู้ใกล้ชิดฟังว่า เขาไม่ได้สังกัดกลุ่มใด และเคยไปฟังเวทีปราศรัยของ นปช.เพียง 2-3 ครั้ง ในวันเกิดเหตุ เขาต้องการไปแจกใบปลิวที่ธรรมศาสตร์ แต่เนื่องจากเป็นวันหยุด จึงตัดสินใจไปแจกในที่ชุมนุมแทน จนกระทั่งการ์ดของ นปช.ที่ดูแลบริเวณที่ชุมนุมได้จับตัวเขาส่งตำรวจ หลังจากเห็นข้อความในเอกสาร
เขาเสียใจและโกรธแค้น นปช.อย่างมาก และยืนยันว่าแม้จะใช้ถ้อยคำรุนแรง แต่เขามีเหตุผล
เขายืนยันเช่นนั้นอีกในวันพิจารณาคดีแต่ศาลไม่อนุญาตให้เขาได้อธิบาย ทั้งยังพิจารณาคดีแบบปิดลับ แม้แต่ภรรยาก็ต้องออกไปรอนอกห้องพิจารณา เขาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวตั้งแต่วันที่ตำรวจฝากขัง กระทั่งศาลพิพากษาเขาเมื่อวันที่ 26 ก.พ.53 สั่งลงโทษจำคุก 10 ปี ริบของกลาง
คำฟ้องระบุว่า “เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2552 เวลากลางวัน จำเลยได้หมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน พระมหากษัตริย์โดยกระทำการแจกเอกสารให้ประชาชนจำนวนหลายคนซึ่งเป็นบุคคลที่ สาม โดยเอกสารขึ้นต้นมีข้อความว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” อันเป็นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯ  และมีข้อความที่ปรากฎในเอกสารเป็นการ กล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ โดยมีเจตนาที่ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพสักการะ  เหตุเกิดที่แขวง-เขตดุสิต  กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตาม  ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 112 ,33”
คำพิพากษาระบุว่า “จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พฤติการณ์ในการกระทำของจำเลย นอกจากจะเป็นความผิดร้ายแรงที่กระทำต่อองค์พระมหากษัตริย์ซึ่งทรงเป็นประมุข และทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของประชาชนทั้งประเทศตลอด มาเป็นเวลาช้านานแล้ว  การกระทำของจำเลยยังมีผลกระทบต่อความรู้สึกของปวงชนชาวไทยทั้งมวลอย่าง รุนแรง สมควรต้องระวางโทษในขั้นสูง จึงกำหนดโทษจำคุก 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบในชั้นพิจารณา ก็ถือได้ว่าเป็นการรับว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดตามฟ้อง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาทางคดีอยู่บ้าง กรณีมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตาม ปอ.ม.78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 10 ปี ริบของกลางทั้งหมด.”
อีกไม่กี่วันถัดมาหลังคำพิพากษาในคดีแรก ในวันที่ 5 มี.ค.53 อัยการสั่งฟ้องเขาในคดีลักษณะเดียกันอีก 1 คดี โดยศาลเพิ่งพิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี ไปเมื่อวัน 28 ก.พ.54 นี้เอง เป็นการให้นับโทษต่อจากคดีเดิม ซึ่งรวมแล้ว 2 คดีจะมีโทษจำคุก 15 ปี
คำฟ้องระบุว่า “เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์  2552 เวลากลางวัน จำเลยหมิ่นประมาท  ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน  โดยการนำเอกสารซึ่งมีข้อความหมิ่นประมาท  ดูหมิ่น  และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ไปวางไว้บริเวณอาคาร 5 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  เหตุเกิดที่แขวงลาดยาว  เขตจตุจักร  กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตาม  ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 112”
คำพิพากษาระบุว่า “พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี ให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีอาญา หมายเลขแดงที่ อ. 754/2553 ของศาลอาญา ริบของกลาง.”
อาจเพราะเขาเครียดจากโทษของคดีแรก และความเครียดจากสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำ ซึ่งเขาระบุว่ากินไม่ค่อยได้ นอนไม่เคยหลับ ทำให้เขาแสดงอารมณ์โกรธ และพูดจาวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงภายในศาล กระทั่งถูกส่งไปสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ซึ่งเป็นสถานบำบัดผู้ป่วยจิตเวช เขาอยู่ที่นั่นเกือบ 2 เดือน ก่อนศาลจะพิพากษาคดี
ปัจจุบันวันชัยถูกจำคุกอยู่ที่แดน 4 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีภรรยาคอยเยี่ยมเสมอ แต่ช่วงหลังๆ เธอเริ่มเงียบหายไป โดยวันชัยก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

โปรแกรมเมอร์ เฟซบุ๊ก และความหวังในการประกันตัว
สุรภักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) วัย 40 ปี เป็นโปรแกรมเมอร์ นักพัฒนาซอฟท์แวร์ให้กับบริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจหลายแห่ง เขาเพิ่งเปิดบริษัทใหม่ได้ไม่ถึงเดือนในวันที่โดนเจ้าหน้าที่จากกองบังคับ การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมาทางเทคโนโลยี (ปอท.) นับสิบนายบุกเข้าจับกุม เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าเขาเป็นผู้ทำเพจ “เราจะครองแผ่นดินโดย...”  [เซ็นเซอร์โดยประชาไท] ใช้นามแฝงว่า “ดอกอ้อริมโขง” ซึ่งปรากฏข้อความเข้าข่ายหมิ่นฯ เจ้าตัวให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม สุรภักดิ์ ระบุกับผู้ใกล้ชิดว่า ในการตรวจค้นและยึดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 2 เครื่อง และคอมพิวเตอร์แบบพกพาอีก 1 เครื่องนั้น เขาพยายามติดต่อพยานเพื่อมาดูและกระบวนการดังกล่าว รวมทั้งขอติดต่อทนายความ แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธและยึดโทรศัพท์มือถือไป กระทั่งนำตัวมาสอบสวนที่ ปอท. จึงได้พบทนายความ
เขายังระบุอีกว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีหลักฐานอย่างชัดเจนในการกล่าวหาเขาแต่อย่างใด เพียงแต่ระบุว่า มีนักศึกษาไปร้องทุกข์กล่าวโทษเกี่ยวกับเพจนี้ แล้วจากนั้นก็มีพยานอีก 1 คนที่ระบุเชื่อมโยงตัวเขาเข้ากับเพจดังกล่าว
สุรภักดิ์ เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ก่อนจะถูกจับกุม กำลังพัฒนาโปรแกรม ERP (Enterprise resource planning) ให้กับบริษัทเอกชน 2 แห่ง ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 6 ล้านบาท พัฒนาไปกว่า 40% แล้วและยังค้างอยู่
การฝากขังผลัดที่ 4 จะครบกำหนดในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าทางครอบครัวจะยื่นประกันตัวอีกครั้ง หลังจากยื่นประกันมาแล้วทุกครั้งที่มีการฝากขัง แต่ได้รับการปฏิเสธ



ปฏิทินผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ*

17 ต.ค.54                      ดารณี                               ศาลนัดฟังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญกรณีพิจารณาคดีลับขัด รธน.?
9 พ.ย.54                        โจ กอร์ดอน หรือเลอพงษ์  พิพากษา
23 พ.ย.54                      อำพล (SMS)                     พิพากษา
6 ธ.ค.54 (ศาลทหาร)      ชนินทร์ (ทหารอากาศ)      สืบพยานโจกท์
14-16 ก.พ.55                 จีรนุช (ผอ.ประชาไท-พ.ร.บ.คอม)   สืบพยานจำเลย
17-20 ก.ค. 55                เอกชัย (ขายซีดี ABC)       สืบพยานโจกท์-จำเลย
21 พ.ย.54 – 4 พ.ค.55    สมยศ (บก.Red Power)    สืบพยานโจทก์-จำเลย  โดยมีรายละเอียดดังนี้
                                        21 พ.ย.54 สืบพยานโจทก์ (จังหวัดสระแก้ว)
                                       19 ธ.ค.54  สืบพยานโจทก์ (จังหวัดเพชรบูรณ์)
                                       16 ม.ค.55  สืบพยานโจทก์ (จังหวัดนครสวรรค์)
                                       13 ก.พ.55  สืบพยานโจทก์ (จังหวัดสงขลา)
                                       18-20, 24-26 เม.ย.55 สืบพยานโจกท์
                                        1-4 พ.ค.55 สืบพยานจำเลย
5-8, 12-15 มิ.ย.55           สุรชัย (กลุ่มแดงสยาม)**   สืบพยานโจกท์-จำเลย


*ทุกคดีพิจารณาคดีที่ศาลอาญา ถนนรัชดา เวลา 9.00 น. ยกเว้นกรณีที่ระบุไว้เป็นการเฉพาะภายในวงเล็บ
**กรณีสุรชัยมีหลายคดี ซึ่งมีความคืบหน้าทางคดีแตกต่างกันดังตารางด้านล่าง (ขอบคุณข้อมูลจากคุณซาร่า)

 คดี  เจ้าของคดี  รายละเอียด  ความคืบหน้าปัจจุบัน  หมายเหตุ
ม.112 สน. ชนะสงคราม ประกันตัวแล้ว แต่ถอนประกันเพราะถูกจับในคดีอื่นแล้ว ขึ้นศาลปี 2555

ปราศรัยที่สนามหลวง
ม.112 สน. โชคชัย จับกุมดำเนินคดีเมื่อวันที่ 22 ก.พ.54 แจ้งข้อกล่าวหาและฝากขัง ปราศรัยที่ ชั้น 6 อิมพีเรียล ลาดพร้าว
ม.112 ดอยสเก็ด เชียงใหม่ โอนเข้า DSI นัดพร้อมแล้ว ขึ้นศาลนัดแรก 31 ต.ค.54 เวลา 9.00 ปราศรัยที่เชียงใหม่
ม.112 วังทองหลาง 1.แจ้งข้อกล่าวหา
2. ให้ปากคำในคุก
DSI อายัดคดีที่เรือนจำ ปราศรัยวังทองหลาง
ปลุกระดมทำให้เกิดความวุ่นวาย สภ.ราชบุรี แจ้งจับ
ปราศรัยราชบุรี
ม.112 เชียงราย DSI แจ้งว่ามีคดี

ม.112 อุดร DSI แจ้งว่ามีคดี


หมายเหตุ - มีการแก้ไขข้อมูลความผิดพลาดเรื่องการนับโทษต่อ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้  (14 ต.ค.54 10.50 น.)
                                   


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น